วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โปรแกรมแปลภาษา ..... ?

1.โปรแกรมแปลภาษาคือ
ตอบ ซอฟต์แวร์หรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่แปล Source Program ให้เป็น Object Program เนื่องจากภาษาระดับต่ำและภาษาระดับสูงเป็นภาษา
ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถรับรู้ได้ จำเป็นต้องมีชุดคำสั่งที่ใช้เป็นตัวแปลภาษา
ให้เป็นภาษาเครื่องเสียก่อน

2.โปรแกรมแปลภาษา ทำหน้าที่............?
 ตอบ ทำหน้าที่แปล Source Program ให้เป็น Object Program

3.โปรแกรมแปลภาษาแบ่งเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง

ตอบ   แบ่วเป็นสองประเภท   คือ 1. ตัวแปลภาษาระดับต่ำ
                      
                                                    2. ตัวแปลภาษาระดับสูง

4. ตัวแปลภาษาระดับต่ำ ทำหน้าที่ ..............?

ตอบ แปลภาษาระดับต่ำแม้ว่าจะเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาเครื่อง แต่ลักษณะของภาษานี้ได้ใช้ตัว อักษรแทนชุดคำสั่งของเลขฐานสองในภาษาเครื่อง จึงจำเป็นต้องมีชุดคำสั่งที่ใช้แปลภาษาระดับต่ำ ให้เป็นภาษาเครื่อง ซึ่งชุดคำสั่งที่ใช้แปลภาษาระดับต่ำ

5. แอสแซมเบอล์  คือ............?

ตอบ   ตัวที่ใช้ตัวแปลภาษาที่เรียกว่า แอสเซมบลี

6. ตัวแปลภาษาระดับสูง ทำหน้าที่อะไร

ตอบ แปลภาษาระดับสูงเป็นภาษาที่เขียนขึ้นมาเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานโดยใช้คำสั่งที่มนุษย์อ่านและเข้าใจได้แต่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเข้าใจได้จึงต้องมีชุดคำสั่งที่ใช้แปลภาษาระดับสูง ให้เป็นภาษาเครื่อง ซึ่งโปรแกรมแปลภาษาระดับสูง

7. ตัวแปลภาษาระดับสูงแบ่งเป็น กี่ประเภท อะไรบ้าง

ตอบ  แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. คอมไฟเลอร์
                                                    
                                                      2.  อินเตอร์พลีตเตอร์

8. คอมไฟเลอร์ กับ อินเตอร์พลีตเตอร์ เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร

ตอบ 

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การเลี้ยง....แมว

การเลี้ยงแมว
ผมเลี้ยงแมวมา 10 กว่าปี ผมเขียนหน้านี้โดยหวังว่าจะทำให้แมวของท่านอายุยืนขึ้น โดยผมมีหัวข้อต่างๆดังนี้
 
แมวออกลูก
      
การทำหมันแมว
ที่อยู่อาศัยของแมว
  โรคของแมว
การรบกวนจากแมว

แมวออกลูก
แมวที่ออกลูกครั้งละ 3 ตัวขึ้นไป หากแม่แมวไม่กินเก่ง หรือแม่แมวไม่อ้วน มีโอกาสที่ลูกแมวจะไม่มีนมกิน และจะตายทั้ง 3 ตัว
แม่แมวที่พิการ หรือมี 3 ขา อาจจะนอนทับลูกคอหักได้
เมื่อแม่แมวออกลูก เพื่อให้แม่แมวมีนมไปเลี้ยงลูกทั้ง 4 ตัว ควรให้กินอาหาร 3 มื้อ และให้กินนมกล่องประมาณ ครึ่งกล่อง และอาจจะให้กินตับไก่ด้วยก็ได้ และควรให้กินน้ำที่สะอาด
ควรเลี้ยงลูกแมวที่เกิดใหม่ไว้ในที่ปลอดภัย อย่าให้แมวที่นิสัยดุเข้าใกล้ จากประสบการณ์ ผมกำลังดูแมวเกิดใหม่ อยู่ดีๆแมวดุก็กระโดดเข้ามา
กัดคอ ลูกแมวตายต่อหน้าผมเลย แมวที่นิสัยดุ อาจจะเป็นแมวตัวผู้ หรือ แมวตัวเมียที่ทำหมันมานานแล้ว
คอยสังเกตุว่า ลูกแมวตัวไหนดูดนมไม่ทันเพื่อน ให้พยายามดึงแมวที่ดูดเก่งออกมารอประมาณ 20 นาที แล้วจึงนำกลับไปดูดนมต่อ (อย่าลืมนำแมวดูดนมเก่งกลับไปดูดนมต่อนะครับ เพราะถ้าแมวที่ดูดนมเก่งไม่ได้ดูดนม อาจจะอดอาหาร และตายในที่สุด แม้จะดูดเก่งก็ตาม) การสังเกตุนี้ต้องสังเกตุติดต่อกัน 3 เดือนตั้งแต่แรกเกิด ลูกแมวถึงจะไม่ตาย
การเลี้ยงลูกแมวเกิดใหม่ แม้เลี้ยงผ่านมา 1 เดือนแล้ว ดูแข็งแรงดี แต่หากเราไม่เอาใจใส่ ลูกแมวที่แข็งแรงอาจตายได้ (อันนี้เรื่องจริง) เราต้องเอาใจใส่มันทุกวันและทุกตัว หากสังเกตุลูกแมวตัวไหนไม่สบายต้องรีบหาทางแก้ทันที
ดูแลที่อยู่ที่นอนของลูกแมว อย่าให้เปียกชื้น หรือมีกลิ่นเหม็น ควรให้ลูกแมวนอนในกล่องกระดาษที่ปูเศษผ้าไว้พอประมาณ และเปลี่ยนเศษผ้าทุก 2 วัน
หากลูกแมวหรือแม่แมวเป็นหวัดให้อ่านวิธีแก้ในหัวข้อ โรคของแมว
ลูกแมวต้องเลี้ยงเกิน 2 เดือนจนกระทั่งตัวโต จึงจะเริ่มให้อาหารได้ ก่อนเริ่มให้อาหาร 1 สัปดาห์ ควรหัดให้เลียน้ำด้วยตัวเองก่อน ในการให้อาหาร อย่าให้อาหารที่ชิ้นโต เพราะอาจติดคอลูกแมวตายได้ (หลังจากลูกแมวตายผมเห็น ฮ็อทด็อก ไหลออกมาจากคอ ผมไม่น่าป้อน ฮ็อทด็อก มันเลย)
แม้แมวที่เกิดจะเป็นแมวดำก็อย่ารังเกียจมัน ตอนนี้ผมก็เลี้ยงอยู่ 2 ตัว มันเป็นลูกของไอ้สีสวาท
ฯลฯ

การทำหมันแมว
ควรนำแมวตัวเมียไปผ่าตัดทำหมัน (เสียเงินประมาณ 600 บาท) อย่าใช้วิธีฉีดยา แมวที่ฉีดยา(ทุกแบบที่เกี่ยวกับทำหมัน)จะเฉาตายภายใน 2 เดือน (จากประสบการณ์)
ควรทำหมันแมวหลังจากแมวออกลูกแล้ว 2 เดือน และก่อนที่มันจะผสมพันธ์ และไม่ควรทำหมันแมวที่ยังเด็ก ควรให้มันเป็นแมวผู้ใหญ่ก่อนแล้วจึงนำไปผ่าตัดทำหมัน

ที่อยู่อาศัยของแมว
ตอนกลางวันควรให้แมวอยู่อย่างอิสระ ในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้ ตอนกลางคืนควรขังรวมกันไว้ในกรง
กรงแมวต้องมีขนาดใหญ่ (1x1x1 เมตร) และมี 2 ชั้น ดังรูป

หมายเลข 4 สำหรับให้แมวขับถ่าย และเป็นพื้นปูนลาดเอียง เพื่อให้ลาดน้ำล้างได้สะดวก
หมายเลข 3 สำหรับให้แมวนอนเวลากลางคืน ควรมีถังน้ำวางอยู่มุมใดมุมหนึ่งด้วย ไม่ควรให้แมวกินอาหารในกรง
หมายเลข 2 เป็นตาข่ายธรรมดากันแมวออกจากกรง
หมายเลข 1 ควรเป็นเพดานที่กันฝนได้ทั้งกรง และสามารถเปิดออกได้ เพื่อให้แสงสว่างช่วยฆ่าเชื้อโรคในกรงเวลากลางวัน
ผมเคยเลี้ยงแมวตาย 7 ตัว มันค่อยๆตายทีละตัว ทีแรกคิดว่ามันเป็นโรคพิษสุนัขบ้า เลยขังมันไว้ในกรง (ไม่ใช่แบบในตัวอย่าง เป็นกรงที่แมวทั้งขี้และกินในที่เดียวกัน) เห็นมันดิ้นไปดิ้นมาแล้วก็ตาย ผมพยายามหาทางแก้ จนกระทั่งแมวตายผ่านไปแล้ว 7 ตัว ผมถึงสังเกตุเห็นว่า แมวที่นอนนอกกรงเวลากลางคืนยังแข็งแรงดี ส่วนแมวที่นอนในกรงจะค่อยๆป่วยทีละตัว ดังนั้นผมจึงรื้อกรงนั้นทิ้ง และย้ายให้แมวไปนอนที่อื่น แมวที่เหลือจึงรอดตาย สาเหตุคงเป็นเพราะ ขี้และเยี่ยวที่หมักหมมในกรงเป็นเวลานาน ส่งกลิ่นบางอย่าง ทำให้แมวป่วยอย่างร้ายแรง
การเลี้ยงแมวในบ้าน แมวชอบขี้และเยี่ยวในที่ๆมีกลิ่นเหม็นหรือเป็นจุดอับ หากต้องการให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง ควรเตรียมกระบะทรายหรือขี้เถ้าไว้ในบ้านด้วย สำหรับแมวตัวผู้ที่โตแล้ว จะเยี่ยวไม่เลือกที่

โรคของแมว
แมวผม 2 ตัวชอบกินเศษอาหาร ขนาดขึ้นราแล้วก็กิน หลังจากนั้นกระเพาะมันก็ติดเชื้อตายไปหนึ่งตัว ตัวที่ 2 เพิ่งจะเริ่มเป็นโรคทีหลังเพราะไม่ตะกละเหมือนตัวแรก ผมรีบพามันไปหาหมอ หมอฉีดยา 3 เข็ม เก็บเงิน 200 บาท แล้วให้พามันมาอีกหลังจากนั้น 3 วัน และฉีดยาอีกครั้ง พร้อมทั้งรับยากินมาให้มันกินอีก 2 สัปดาห์มันจึงหายเป็นปรกติ หมอบอกว่าถ้าพามาเร็วก็มีโอกาสหาย แต่ถ้าปล่อยให้เป็นหนักแล้วพามา จะรอดยาก ดังนั้น หากแมวป่วยควรรีบพาไปหาหมอตั้งแต่วันแรกเลย
โรคหวัดที่เกิดในแมว หากเป็นแมวเด็กหรือแมวผู้ใหญ่ที่อ่อนแอจะมีโอกาสตายสูง หากเราปล่อยให้มันหายเองไม่พาไปหาหมอ ส่วนใหญ่อาการจะหนักขึ้นและตายในที่สุด ไม่มีคำว่าหายเองตามธรรมชาติ (จากวันที่สังเกตุเห็นว่ามันเป็นหวัด จนถึงวันที่มันตายเพียง 3 วันเท่านั้น) แต่ถ้าเป็นแมวอ้วนกินเก่งถึงเป็นหวัดก็ยังกินเก่งเราให้มันกินหญ้ามันก็หายเองได้
สรุปว่า หากพบว่าแมวเป็นหวัด ไม่กินอาหาร ควรรีบพาไปหาสัตวแพทย์ อย่าปล่อยไว้นาน เพราะโรคหวัดแมว ตายเร็ว
หากแมวที่เป็นหวัดมีขี้ตามากหรือมีหนองจากตาจนลืมตาไม่ได้ ควรหมั่นเช็ดหนองออกจากตาและจมูก และควรพาไปหาสัตวแพทย์
อาหารสำหรับแมวท้องเสีย คือ ตับไก่ปิ้ง (อันนี้ ไม่แน่ใจ)
ควรให้แมวกินอาหารให้ตรงเวลา ถ้าแมวอดอาหาร มันจะไม่แข็งแรง และเป็นโรคได้ง่าย
อย่าให้แมวกินข้าวบูด ควรให้แมวกินข้าวที่คนกินได้ ผมมีประสบการณ์จะเล่าให้ฟัง
แมวเด็กตัวเล็ก ผมเผลอให้มันกินข้าวบูด หลังจากนั้น มันก็นอนซม ไม่กินข้าว มีน้ำเยิ้มออกจากก้น 2 วัน มันก็ตาย (เป็นอาหารเป็นพิษ ถ้าพาไปหาหมอตั้งแต่วันแรก หมอจะรักษาได้)
เย็นวันหนึ่ง ผมนั่งกินขนมเจ เป็นแป้งทอด ผมก็เลยแบ่งให้แมวกินด้วย 1 ชิ้น วันรุ่งขึ้น มันก็นอนซม มีน้ำเยิ้มที่ก้นเหมือนกัน ผมจึงรีบพาไปหาหมอ หมอบอกว่าอาหารเป็นพิษ รักษาอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ แมวตัวนั้นก็หายเป็นปรกติ
ปรกติแมวตัวหลังนี้จะชอบจับหนูแล้วกินหนูด้วย แต่ไม่เคยอาหารเป็นพิษ แต่พอผมเอาขนมแป้งทอดให้กิน มันกลับเป็นอาหารเป็นพิษ ทั้งๆที่ผมก็กินกับมัน
ฯลฯ

การรบกวนจากแมว
แมวบางตัวอาจทำให้เพื่อนบ้านรำคาญได้ ตอนกลางคืนควรขังในกรง
อย่าให้แมวสกปรกอยู่ในบ้าน เพราะหากท่านนอนหลับ เวลาตื่นขึ้นมาอาจพบว่า แมวนอนอยู่บนหน้าของท่าน หรือกำลังเลียหน้าของท่าน ทำให้ท่านเป็นโรคได้
หลังจากจับแมว ไม่ควรจับภาชนะบรรจุอาหารหรือน้ำ หรือสิ่งที่ต้องจับบ่อยๆ เช่น รีโมท และควรล้างมือก่อนกินข้าว เพื่อป้องกันอาหารเป็นพิษ

นิสัยแมว
แมวเป็นสัตว์ที่มีความต้องการ อย่างบ้านผมจะมีรูเล็กๆบนชั้น 2 และแมวจะชอบมุดรูนั้นเข้ามาในบ้าน รูนั้นมุดยากมาก เพราะต้องปีนขึ้นหลังคา แล้วโหนมาตามคาน แล้วจึงมุดรูเข้ามา โดยแมวจะต้องรีดตัวเองเพื่อมุดรูเข้ามา ปัจจุบันแมวตัวนั้นตายแล้ว เพราะเส้นเอนเสีย เนื่องจากมุดเข้ามาบ่อย
เราคิดไปเองว่า ถ้ามันเจ็บเดี๋ยวมันก็เลิกมุดเอง แต่เนื่องจากมันอยากเข้าบ้าน มันก็จะมุดเข้ามาเรื่อย จนกระทั่งมันเส้นเสีย และตายเพราะขยับตัวไม่ได้ จึงทำให้เราคิดว่า แมวมันไม่รู้จักคาดการณ์ว่าอะไรเป็นอันตรายสำหรับมัน เราซึ่งเป็นคนเลี้ยงจะต้องคอยดูแลว่ามันทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตัวมันเองหรือเปล่า และพยายามอย่าให้มันทำอย่างนั้น
ในกรณีนี้ ผมควรอุดรูนั้น เพื่อให้มันไม่มุดเข้ามาอีก
การป้อนยาแมว
ยาเม็ด
วิธีที่ 1 - แบ่งเป็น 4 ส่วนเล็กๆ แล้วยัดไว้ในตับไก่ย่าง แล้วปล่อยให้แมวกินตับไก่เอง
วิธีที่ 2 - ต้มน้ำเดือดละลายน้ำตาลให้เป็นน้ำข้นๆ ประมาณ 1 ช้อน แล้วบดยาเม็ดละลายลงไปในช้อน คนให้เข้ากัน แล้วเอานิ้วจิ้ม ไปป้ายปากแมว แมวจะเลียเองโดยธรรมชาติ
ยาแค็ปซูล - แกะแค็ปซูลออกแล้วทำตามวิธีที่ 2
ยาผง - ทำตามวิธีที่ 2
ยาน้ำ - ถ้าใช้หลอดฉีดยาฉีดเข้าปากมันไม่ได้ ก็ค่อยๆเอานิ้วจิ้มยาไปป้ายปากมัน

การพาแมวไปหาหมอ
เดี๋ยวนี้ไม่ต้องลำบากแล้ว เพราะสามารถหาซื้อตระกร้าใบใหญ่ๆที่มีฝาปิดล๊อคได้แล้ว โดยตะกร้านี้มีรูตลอดทุกด้าน ทำให้แมวมีอากาศหายใจ หาซื้อได้ตามห้างใกล้บ้าน






 



การให้อาหารแมว
:: อาหารลูกแมว ::

ควรให้ลูกแมวอยู่กินนมแม่ไปตลอดจนกว่าจะหย่านมไปเอง ไม่ควรให้ลูกแมวหย่านมเมื่ออายุต่ำกว่า 45 วัน เพราะจะทำให้สุขภาพของแมวไม่สมบูรณ์ในภายหลังได้ อย่างไรก็ตามหลังจากหย่านมยังเป็นอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อลูกแมวอยู่จนกว่าอาย
ุจะเลยเก้าเดือนไปแล้ว อาหารอย่างอื่นจึงจะสำคัญและจำเป็นกว่า แต่ควรให้แมวกินนมวันละครั้งหรือเป็นครั้งคราว และต้องคอยสังเกตว่าแมวมีอาการท้องร่วงท้องเสียจากการกินนมหรือไม่ ถ้ามีควรงด ลูกแมวอายุประมาณ 3 เดือนควรตั้งต้นให้กินอาหารเนื้อได้แล้ว แต่ควรเป็นเนื้อที่สับละเอียดและให้เพียงเล็กน้อย ลูกแมวอายุ 5 ถึง 7 อาทิตย์แล้วแม่แมวให้นมลูกควรจัดให้กินวันละ 4 มื้อ พออายุ 7 ถึง 12 อาทิตย์ลดลง
เหลือ 3 มื้อ ถ้าลูกแมวกำพร้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยังไม่หย่านม ต้องการการดูแล
อย่างใกล้ชิด หากไม่สามารถนำไปให้กินนมแม่แมวตัวอื่นได้ก็ต้องชงนมให้กินแทนนมแม่ ซึ่งควรระวังเกี่ยวกับความสะอาดและคุณภาพของนมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจทำให้ลูกแมวเกิดติดเชื้อจากนมที่สกปรกนมบูด ทำให้ท้องร่วงถึงตายได้ นมที่ใช้เลี้ยงลูกแมวกำพร้าอาจใช้นมผงเลี้ยงทารก นมวัวสด หรือนมสดยู.เอช.ที
ผสมน้ำและวิตามิน นำมาอุ่นอุณหภูมิประมาณ 98-100 องศาฟาเรนไฮท์ หรือ อังพออุ่นมือจับได้กรอกใส่ขวดยางป้อนลูกแมว 

:: อาหารแมวโต ::

ลูกแมวที่กำลังโตหรือหย่านมแล้วผู้เลี้ยงสามารถจัดอาหารให้กินน้อยลงได้
คือให้วันละ 3 มื้อเท่า ๆ กับคนและเมื่อโตเต็มที่เป็นแมวหนุ่มที่อาจลดจำนวนอาหาร
เหลือเพียง 2 มื้อ คือเช้าและเย็นก็พอ ที่สำคัญคือควรฝึกให้แมวกินอาหารเป็นเวลา ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ในจานให้แมวกินตลอดทั้งวัน เพราะเป็นการเสียนิสัย อาหารอาจมีแมลงวันตอมนำเชื้อโรคมาให้ หรืออาหารบูดเสีย ทำให้แมวท้องร่วงได้

:: อาหารแมวท้อง ::

อาหารที่ใช้เลี้ยงแมวกำลังตั้งท้องนั้นจะต้องมีคุณภาพสูง โปรตีนมาก ไขมันน้อย
ขนาดและปริมาณที่ใช้ใน 5 ถึง 6 อาทิตย์แรกของการตั้งท้องพอ ๆ กับใช้เลี้ยงดูแมว
โตเต็มวัยประจำวัน แต่จะเพิ่มปริมาณอาหารให้มากขึ้นตามน้ำหนักตัวแมวในระยะ
3 อาทิตย์สุดท้ายก่อนคลอด คือเพิ่มอาหารให้ปริมาณ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ก่อนคลอด
1 ถึง 2 วัน   แม่แมวบางตัวมักไม่ค่อยกินอาหารหรือไม่กินเลยเพราะมัวตั้งหน้าตั้งตาหา
สถานท
ี\หรือกังวลอยู่กับลังคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่แมวสาวท้องแรกแต่ถือเป็นเรื่องปกติ หลังคลอดลูกแล้วก็จะกินอาหารเอง ข้อพึงระวังคืออย่าขุนจนแมวอ้วนเกินไปทำให้
คลอดลำบาก หรือคุมอาหารเสียจนผอมไปไม่มีแรงเบ่งในการคลอด
หลังจากคลอดแล้ว แม่แมวก็กลายเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ซึ่งอาหารที่ใช้เลี้ยงแมวในช่วงนี้ไม่ได้ให้เฉพาะแต่แม่เท่านั้น มันต้องถ่ายทอดไปยังลูกแมวด้วยโดยการเปลี่ยนเป็นน้ำนม ฉะนั้นปริมาณอาหารที่แม่แมวกินจะต้องมีปริมาณเพียงพอเหมือนช่วงตั้งท้อง

:: อาหารแมวแก่ ::

แมวแก่แมวสูงอายุ ร่างกายย่อมต้องการพลังงานน้อยลงจึงไม่ต้องการอาหารมากนัก เพราะถ้ากินมากก็รังแต่ละทำให้มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป ซึ่งควรให้อาหารน้อยลง โดยหลักการแล้วอาหารสำหรับแมวแก่ต้องย่อยง่าย วิตามิน เนื้อที่ไม่มีผังผืด อาหารที่ไม่มีไขมันหรือน้ำตาลที่จะทำให้อ้วน พวกแป้ง วิตามิน รวมทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อบำรุงร่างกายปริมาณที่ให้ก็ไม่ควรมากเกินไป เพราะแมววัยนี้แล้วไม่กกระฉับกระเฉง การวิ่งเล่นออกกำลังกายย่อมน้อยลงตามอายุ กินกินนอนนอนไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายเริ่มย่อนประสิทธิภาพ ฉะนั้นอาหารที่กินเข้าไปมาก ๆ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังทำให้เกิดโทษ เช่น แน่นท้องและท้องอืดได้
 

:: ชนิดของอาหาร ::
การเลี้ยงแมวตามบ้านคนส่วนใหญ่ ซึ่งเจ้าของมีฐานะความเป็นอยู่แบบไทย ๆ
ทำให้แมวเป็นสัตว์ที่กินง่าย เจ้าของแมวส่วนมากมักเลี้ยงแมวด้วยอาหารในครัว
อาจเป็นปลาคลุกกับข้าว หรือไข่ต้มหรือน้ำแกงจืด ซึ่งแมวก็อยู่ได้ แต่ถ้าเลี้ยงกันดีเป็นพิเศษหรือเข้าอกเข้าใจแมว อาจมีการเสริมอาหารประเภทเนื้อ นม
เสริมให้กิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของที่มีฐานะดีหรือเลี้ยงแมวตามหลักการ อาหารการกินก็เปลี่ยนไปเป็นอาหารคุณภาพ ซึ่งก็เป็นผลดีแก่ตัวแมวและเจ้าของ
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว สำหรับชนิดของอาหารแมวนั้น สามารถแบ่งออกได้ 3-4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เราซื้อหามาปรุงเอง อาหารสำเร็จหรืออาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็แตกต่างกันไปในแง่ของรสชาติ คุณภาพ ราคาและคุณค่าของอาหาร ผู้เลี้ยงสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

:: อาหารปรุงเอง ::

การปรุงอาหารขึ้นเองสำหรับให้แมวกินตามบ้านเป็นเรื่องปกติสำหรับการเลี้ยว
แมวทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าต้องการให้อาหารถูกส่วนถูกกับความต้องการของแมวโดยซื้อ
มาปรุงให้ตามสุตรต้องเข้าใจถึงหลักโภชนาการมาก่อนจึงทำได้เพราะเป็นเรื่องที่
ค่อนข้างยุ่งยากและค่อนข้างละเอียดเราะต้องคำนวณทั้งอัตราส่วนและปริมาณของสารอาหาร
ที่เหมาะสมตรงตามความต้องการของแมวในแต่ละวัย นอกจากนี้อาหารที่ปรุงเองก็ยังมีรสชาติ
ไม่แน่นอน เช่น เค็มหรือหวาน รสชาติอาจไม่ถูกปากแมว อาจจะมีไขมันมาก ถ้าใส่ข้าวมาก
ก็จะขาดวิตามิน ถ้าใส่เนื้อมากเกินไปก็จะได้รับโปรตีนเกินความจำเป็น ทำให้ย่อยยากกระเพาะ
ต้องทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ต้องคำนึง

:: อาหารสด ::

เป็นอาหารผสมเสร็จ มักพบในตู้แช่แข็งตามซุปเปอร์มาร์เก็ต อาหารสดผสมเสร็จน
ี้บางชนิดก็มีคุณค่าทางอาหารครบ แต่บางชนิดก็ไม่ครบ เวลาที่จะให้แมวต้อง
ปรุงให้สุกเสียก่อน ราคาจะถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่นเล็กน้อย แต่มีข้อเสียคือต้องเก็บไว้ในช่องแช่แข็งตลอดเวลาเพราะเป็นอาหารสด
จึงเสียง่าย ต้องซื้อบ่อย ๆ และนอกจากนี้อาหารผสมเสร็จ
ยังมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่าอาหารสำเร็จรูป
นอกจากนี้อาหารแห้งยังมีประโยชน์ช่วยขัดฟันของแมวให้สะอาด เพราะเป็นเม็ดกรอบและการเคี้ยวอาหารแห้งก็เป็นการบริหารเหงือกให้แข็งแรงอีกด้วย


  :: อาหารสำเร็จรูป ::


เป็นอาหารชาวเมืองที่มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายทั่วไปเหมาะสำหรับคนที่มีเงินแต่ไม่มีเวลา
เพราะสะดวกใช้ง่าย ประหยัดเวลา ทั่วไปแล้วก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน
ไม่ต้องกังวลเรื่องสัดส่วนอาหารเหมือนอาหารสด สะดวกอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลา
จัดเตรียมอาหารให้แมวทุก ๆ วัน อาหารสำเร็จรูปมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบเป็นเม็ด
และแบบเปียก แบบเป็นเม็ดหรืออาหารแห้ง จะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมประกอบด้วยธาตุอาหาร
และวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ ที่แมวต้องการอย่างเหมาะสม ส่วนประกอบของอาหารเม็ดโดยมาก
ก็มาจากเนื้อสัตว์ เพียงแต่เอามาแปรรูปผ่านกระบวนการบดและอบแห้ง มีคุณค่าของโปรตีน
ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอัตราส่วนที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของแมว
ในการนำไปใช้สร้างความเจริญเติบโต นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนประกอบของไขมันที่ช่วยสร้างพลังงาน
และความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย มีวิตามินที่ช่วยให้แมวมันมีขนยาวสวยได้ ที่พิเศษก็คือมีไฟเบอร์
ที่จะช่วยให้แมวท้องไม่ผูก อาหารแห้งสามารถซื้อเก็บไว้ได้คราวละมาก ๆ เพราะไม่บูดเสีย สามารถทิ้งไว้ให้แมวกินได้ตลอดทั้งวันเมื่อมีความจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน
การให้แมวกินอาหารแห้ง ทางที่ดีควรหัดให้กินตั้งแต่เล็ก ๆ หลังอย่านมใหม่ ๆ หรือประมาณ 2 เดือน โดยผสมอาหารแห้งในน้ำนม เมื่อโตได้ประมาณ 3 เดือนจึงให้กินอาหารแห้งล้วนๆ เพียงอย่างเดียว แต่สำหรับแมวที่ไม่เคยกินอาหารแห้งมาก่อน การเปลี่ยนมาให้กินอาหารแห้งโดยฉับพลันทันทีทันใด
ก็ทำให้ท้องเสียได้ เพราะระบบย่อยของแมวนั้นอ่อนไหวและผิดปกติได้ง่ายมาก
ฉะนั้นอาจค่อย ๆ เปลี่ยนโดยเอาหารแห้งงคลุกผสมกับอาหารเดิมที่เคยกินที่ละน้อยก่อน หรืออาจผสมอาหารแห้งในน้ำนม หรือน้ำแกง เพื่อให้อาหารเม็ดนิ่มขึ้น เมื่อแมวเริ่มชินแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นอาหารแห้งเพียงอย่างเดียว ประการสุดท้ายสำหรับการเลี้ยงแมวด้วยอาหารแห้งก็คืออย่าลืมว่าอาหารแห้งนั้น
มีน้ำเป็นส่วนประกอบไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น เมื่อแมวกินอาหารแห้งจะกลืนไม่ค่อยสะดวกทำให้คอแห้งหิวน้ำ ดังนั้นควรจะมีถ้วยใส่น้ำสะอาดตั้งไว้ข้างชามอาหารเพื่อให้แมวกินได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
สำหรับอาหารสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่งที่จะขอกล่าวคือ อาหารเปียกหรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า
อาหารกระป๋อง แมวมักจะชอบอาหารเปียกมากกว่าอาหารแห้ง เพราะอาหารเปียกมีลักษณะใกล้เคียง
กับอาหารที่เราปรุงเอง คือมีความเป็นน้ำและเนื้อนุ่ม แมวชอบกินของดิบ เนื้อปลาและอาหารทะเล
เช่น กุ้ง ปู หอย แต่อาหารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นปลา เนื้อ เครื่องในสัตว์ควรทำให้สุกก่อน
เพื่อป้องกันโรคพยาธิ ส่วนปลาควรแกะก้างออกเพราะก้างปลาอาจจะเข้าไปตำเหงือกติดคอแมวได้
กระดูกที่แตกหักง่ายเช่น กระดูกไก่ ไม่ควรให้แมวแทะกิน ข้าวที่ใช้คลุกกับอาหารอื่น ๆ
ควรเป็นข้าวสวยและร่วนกำลังดี แมวไม่ชอบข้าวแฉะเพราะมักติดเหงือกติดฟันทำให้กินยาก
การคลุกข้าวกับอาหารอื่น เช่น เนื้อ ปลาและไข่ ก็ควรผสมให้เข้ากันดีมิฉะนั้นแมวจะเลือกกิน
เฉพาะเนื้อหรือปลาเท่านั้น อาหารที่ต้องหลีกเลี่ยงก็คืออาหารที่มันและเค็มจัด ซึ่งจะทำให้แมวท้องเสีย
 นอกจากนี้อาหารที่ให้แมวกินควรอุ่น ๆ เพราะแมวไม่ชอบอาหารที่เย็น ชาวไทยเรานิยมให้อาหารแมววันละ 2 มื้อเช้าเย็นได้ผลดีกว่าการให้มื้อเดียว เพราะการให้เพียงมื้อเดียวแมวจะกินจนเต็มกระเพาะ
มีผลทำให้อาเจียน อาหารที่ใช้เลี้ยงแบบชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ส่วนมากเลี้ยงด้วยปลาย่างหรือปลาสุกคลุกกับข้าวร่วน ๆ จะใช้ปลาอะไรก็ได้ที่ราคาไม่แพงนัก แต่ถ้าจะเลี้ยงให้แมวมีสุขภาพสมบูรณ์ไม่อ่อนแอขี้โรคก็ควรเพิ่ม เนื้อ นม ไข่ ลงไปด้วย การให้อาหารปลาเป็นประจำอาจทำให้แมวเกิดนิ่วที่ระบบปัสสาวะ
สลับกับกุ้ง ปู เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เพื่อป้องการการเพื่ออาหาร สำหรับเนื้อก็ไม่จำเป็นต้องให้เนื้อดีนัก
ซื้อเนื้อราคาถูก ๆ ที่บดเสร็จแล้วจะสะดวกที่สุด ก่อนผสมกับข้าวควรลวกด้วยน้ำร้อนจัด ๆ สักครู่
ถ้าเป็นไข่ต้มให้กินมื้อละครึ่งฟองก็พอ แมวแต่ละตัวกินอาหารไม่เท่ากัน ผู้เลี้ยงควรสังเกตนิสัย
การกินของแมวเป็นรายตัวไป ตัวไหนกินจุก็ให้มากกว่าตัวอื่น แต่ไม่ควรให้แมวกินอิ่มจนเกินไป
เพราะจะทำให้กระเพาะทำงานหนัก อาหารไม่ย่อย การอยากกินอาหารของแมวขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม
ในขณะนั้นด้วย โดยเฉพาะแสงสว่างและเสียงอึกทึกมากหรือน้อย มีคนอยู่ด้วยหรือไม่
จานใส่อาหารสะอาดหรือสกปรก มีแมวตัวอื่นอยู่ด้วยหรือไม่ และชนิดของอาหารที่ชอบ
ถ้าจะมีแมวบางตัวเกิดมีนิสัยพิถีพิถันหรือนัยหนึ่งจู้จี้จุกจิก จะดมหรือตรวจดูอาหารอย่างพินิจพิเคราะห
์ถ้าหากเป็นอาหารแปลกหรือยู่ในข้อสงสัย ในขณะเดียวกันนั้นก็กินอย่างตะกละมูมมาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นอาหารที่อร่อยและเคยกินอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับแมว


:: น้ำ ::
แมวที่มีสุขภาพดีแข็งแรงจะกินน้อยกว่าสุนัขมาก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะแมวมีกำเนิดมาจากทะเลทราย แมวบางตัวอาจไม่กินอาหารหรือน้ำได้นานนับเดือนได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ทางที่ดีแล้วเจ้าของ

ควรจัดหาน้ำสะอาดทิ้งไว้ให้แมวกินได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าเลี้ยงแมวด้วยอาหารแห้ง รวมทั้งภาชนะที่ใส่อาหารต้องได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำด้วย

:: อาหารโปรตีนที่ชาวไทยเรานิยมใช้เลี้ยงแมว มีดังต่อไปนี้ ::

เนื้อปลาทู โปรตีน 20% เนื้อกระบือ โปรตีน 19.6% เนื้อโค โปรตีน 18.8% เนื้อหมู
โปรตีน 14.1% เนื้อไก่ โปรตีน 18% เนื้อเป็ด โปรตีน 16% เนื้อห่าน โปรตีน 16.4%
เนื้อกุ้ง โปรตีน 20.8% เนื้อปู โปรตีน 17.2%

:: ตารางการให้อาหารและสูตรอาหารบางสูตรที่สะดวกและง่ายต่อการเตรียมให้แมวกิน ::
มื้อเช้า เนื้อวัวสับละเอียดคลุกกับข้าวให้กิน ผสมอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ นมสดกระป๋อง
ผสมน้ำอุ่น 1 เท่าตัว หรือนมผงละลายน้ำให้กินตามความพอใจ
มื้อกลางวัน ข้าวคลุกปลาหรือเนื้อ
มื้อเย็น ปลาต้มหรือปลากระป๋อง หรือตับลวกน้ำร้อนสับละเอียดหรือไข่ลวกให้ไข่ขาว สุก
แต่ไม่แข็ง 1 ฟอง (ให้ทุกวันหรืออาทิตย์ละ 2 ครั้ง สำหรับลูกแมวอาจให้ไข่นกกระทาเพราะฟองเล็ก)
คลุกข้าวผสมอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ